กองกลาง - ตัวรุก

หนึ่งในตัวบุกที่ดีที่สุดในยุโรป

เป็นที่รู้จักกันดีว่า เควิน เดอ บรอยน์ คือหัวโจกเติมเกมรุกและส่งบอลได้ยอดเยี่ยมของยุโรปและเขาก็นำชื่อเสียงโด่งดังนี้มายังแมนเชสเตอร์ ซิตี่

ความคิดสร้างสรรค์ของเควินและการมีสายตาดุจเหยี่ยวที่แสวงหาพื้นที่เจาะแผงหลังเพื่อส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำให้นักเตะทีมชาติเบลเยี่ยมได้ก้าวเข้ามาร่วมทัพเรือใบสีฟ้าในฤดูกาล 2015/16

เขาเริ่มต้นค้าแข้งที่เกงค์ ทีมฝั่งเบลเยี่ยม โดยได้ไต่ขึ้นไปเป็นตัวจริงของชุดใหญ่ในโปร ลีก และได้เป็นส่วนสำคัญในการคว้าแชมป์ ช่วยทำ 17 ประตู และยิงหกประตู จากทุกรายการ

หลังจากที่อยู่กับเกงค์ได้สามปี เขาตัดสินใจมาค้าแข้งที่เกาะอังกฤษโดยเซ็นสัญญากับเชลซีในเดือนมกราคม ปี 2012 แต่เขายังคงอยู่กับเกงค์จนสิ้นสุดซีซั่น 2011/12

ต่อจากนั้นเขาถูกเวอร์เดอร์ เบรแมนยืมตัวไปในฤดูกาล 2012/13 ได้โชว์ฟอร์มสุดคมให้แฟนๆ บุนเดสลีกาได้ยลในฤดูกาล 2012-13 เหนี่ยวไกใส่ข้าศึก 10 ประตู จากการเป็นตัวจริง 34 นัด

แม้เขาได้นำความสำเร็จกลับมาให้สิงห์บลูแต่น่าเสียดายที่เขาไม่ค่อยมีโอกาสโชว์ฝีมือมากนัก ได้ลงเล่นเพียงเก้านัด และต้นสังกัดก็อนุญาติให้เขาย้ายออกในช่วงตลาดเปิดเดือนมกราคม 2014 โดยเขาย้ายกลับไปแผลงฤทธิ์ต่อที่บุนเดสลีการ่วมกับวูลฟ์เบิร์ก

เพลย์เมกเกอร์ผู้นี้ได้ทำลายสถิติบุนเดสลีกาด้วยการส่งบอลมากที่สุดถึง 21 ครั้งในฤดูกาล 2014/15 และทำให้ทีมไต่ขึ้นไปเป็นอันดับสองบนตารางบุนเดสลีกา และคว้าถ้วยเยอรมัน คัพ โดยยิง 16 ประตูจาก 51 เกม

ชื่อเสียงมาพร้อมกับรางวัลแห่งความสำเร็จ เขาได้รับเลือกให้เป็นนักเตะดีเด่นประจำปีของบุนเดสลีกาพ่วงด้วยนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของเยอรมัน

เช่นเดียวกับฤดูกาลแรกที่เอทิฮัด ทันทีที่หวนคืนเกาะอังกฤษ เควินก็กลายเป็นขวัญใจมหาชนในบัดดลเนื่องจากยอดฟอร์มที่เขาสร้างสรรค์และนำชัยมาให้ทีม

เดอบรอยน์เป็นแกนหลักในการโจมตีคู่ต่อสู้อย่างมีสไตล์ ผสานกับความเคลื่อนไหวที่รวดเร็วทำให้เขายิง 16 ประตูและช่วยทำอีก 15 ประตู ที่สำคัญเขาสร้างสถิติใหม่ด้วยการคว้ารางวัลนักเตะดีเด่นประจำเดือนของเอทิฮัดมาได้สี่ครั้งในปีแรกที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้

แถมด้วยรางวัลอันทรงเกียรติหลังจากจบฤดูกาล 2015/16 เขากลายเป็นนักเตะดีเด่นประจำปีของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เอาชนะมาได้ด้วยคะแนนโหวตท้วมท้น

แข้งทองวัยเบญจเพศผู้นี้ยังมีทีเด็ดอีกมากให้ได้เห็นในฐานะนักฟุตบอลวิเศษที่คงจะเสกความสุขมาให้แฟนๆ อย่างแน่นอน

หนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรุกอันดับท็อปในโลกลูกหนังปัจจุบัน เควิน เดอ บรอยน์ เรื่องฝีเท้าไม่มีใครสงสัย สามารถเสกทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว ทีเด็ดรอบตัว ทั้งการจ่ายบอลที่แม่นยำคมกริบ ลูกยิงไกลที่หนักหน่วงหรือลูกนิ่งก็อันตรายทุกระยะ จัดเป็นนักเตะครบเครื่องด้านเกมรุกที่หลายทีมอย่างครอบครอง

เดอ บรอยน์ เกิดวันที่ 28 มิถุนายน 1991ในเมือง Drongen, Ghent ประเทศเบลเยียม ส่วนสูง 181 เซนติเมตร ตำแหน่งคือกองกลางตัวรุก เส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลเริ่มต้นกับ KVV Drongen ปี 1997 จากนั้นก็ย้ายไปยังทีมที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนเข้าสู่ชุดใหญ่ของ เกนค์ เมื่อปี 2008 โดยเกมแรกอย่างเป็นทางการในระดับอาชีพคือ 9 พฤษภาคม 2009 แต่ไม่น่าจดจำเพราะทีมแพ้ 0-3 จากนั้นตัวเขาก็มีส่วนร่วมกับทีมเรื่อยๆ ช่วงแรกยังไม่มีโอกาสเล่นเท่าไหร่ แต่พอจะได้โอกาสก็ไม่ปล่อยให้หลุดลอย โชว์ฝีเท้าที่ดีของตัวเองออกมาสม่ำเสมอไม่หยุดหย่อน นับวันยิ่งดีขึ้นทุกขณะ จนถูกพูดถึงในฐานะดาวรุ่งที่จะเป็นอนาคตของชาติได้แน่นอนในอนาคต เพียง 3 ฤดูกาลรับใช้สโมสรไปเกือบ 100 เกม เรียกว่าไม่เจ็บไม่ป่วยลงสนามอยู่ตลอด

เชลซี ที่เห็นแววเก่งกาจของมิดฟิลด์รายนี้ ยอมจ่าย 7 ล้านยูโรดึงเข้าสู่ทีมช่วงปีใหม่ 2012 แต่ว่าตอนนั้นทีมพื้นที่เล่นยังน้อย จึงปล่อยไปให้ เบรเมน ยืมตัว ที่นี่เองทำให้ชื่อของ เดอ บรอยน์ ถูกพูดถึงอย่างมากว่าเป็นดาวรุ่งที่จะยิ่งใหญ่ในอนาคต การย้ายมาเล่นในเยอรมันช่วยส่งเสริมระดับการเล่นของตัวเขาอย่างมากมาย ซัดไป 10 ประตูจาก 33 เกมตลอดซีซั่น แต่พอกลับไปยังเชลซีก็ไม่มีโอกาสลงสนาม โดยย้ายไป โวล์ฟบวร์ก ในเวลาต่อมา ค่าตัว 18 ล้านยูโร การย้ายกลับมาเล่นในบุนเดสลีก้า เยอรมันอีกครั้ง ยิ่งทำให้ เดอ บรอยน์ แข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า พัฒนาเป็นกองกลางระดับท็อปได้ในทันที จนมีกระแสกับหลายทีมดังของยุโรปหวังดึงไปปั้นเกม แต่ท้ายสุดเป็น แมนซิตี้ ซึ่งทุ่ม 55 ล้านปอนด์ดึงแข้งรายนี้เข้าทีมสำเร็จ วันที่ 30 สิงหาคม 2015

โดยเกมแรกที่เล่นให้กับเรือใบสีฟ้าคือ 12 กันยายน ในฐาตัวสำรองและอีก 7 วันต่อก็ได้ประเดิมในตำแหน่งตัวจริง ฟอร์มการเล่นที่นี้นี่เองที่ยกระดับให้ เดอ บรอยน์ เป็นนักเตะระดับท็อปคลาสของโลกอย่างแท้จริง อาวุธรอบตัวมากมายที่จะเปลี่ยนเกมอยู่ตลอดเวลา แม้จะมีช่วงเจ็บยาว แต่พอหายเจ็บมาก็เป็นกำลังสำคัญของทีมอยู่เสมอ จัดเป็นนักเตะดีที่สุดคนหนึ่งของพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ย้ายมาถึงปัจจุบัน