
แมนฯ ซิตี้ ทำให้แฟนบอลยิ้มออกจนได้แม้จะตกรอบตัดเชือกถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก อย่างน่าช็อกมาหมาดๆเมื่อพวกเขาลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก ในบ้าน และไล่ถล่ม นิวคาสเซิ่ล แบบไม่ปราณี 5-0 ในเกมที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
นอกจาก เรือใบสีฟ้า จะสลัดความผิดหวังจากถ้วยหูใหญ่ได้แล้ว พวกเขายังส่อแววป้องกันแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้มากขึ้นเช่นกันอันจะเป็นการปิดโอกาสเขมือบสี่แชมป์ในซีซั่นนี้ของ ลิเวอร์พูล ไปในตัว
1.เรือใบ ปลุกขวัญตัวเองหลัง หงส์แดง หัวคะมำ
แม้จะพลาดโอกาสเข้าชิงชนะเลิศถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นปีที่สองติดต่อกัน แมนฯ ซิตี้ ก็พอจะมีข่าวดีให้ได้ใจชื้นเนื่องจาก ลิเวอร์พูล คู่แข่งแย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก สะดุดจนได้ในเกมเปิดบ้านเสมอกับ สเปอร์ส 1-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ต่อการคว้ามาได้แค่แต้มเดียวของ หงส์แดง ซึ่งลงสนามก่อน หมายความว่า เรือใบสีฟ้า สามารถเสมอได้หนึ่งเกมในอีกสี่เกมที่เหลือของพวกเขาซึ่งจะทำให้ทีมเงินถังได้แชมป์ลีกโดยมีแต้มมากกว่า ลิเวอร์พูล หนึ่งแต้มในกรณีที่ทั้งสองทีมลุ้นแย่งแชมป์ชนะรวดด้วยกันในโค้งสุดท้าย
และเพื่อเป็นการปลุกขวัญให้นักเตะพยายามคว้าแชมป์รายการเดียวที่เหลืออยู่หลังความฝันคว้าทริปเปิ้ลแชมป์พังทลายไปแล้ว แมนฯ ซิตี้ จึงจัดให้พ่อค้าแข้งสวมเสื้อที่มีชื่อ อเกวโร่ (เซร์คิโอ อเกวโร่) พร้อมปักเบอร์สิบเอาไว้ข้างหลังลงไปวอร์มอัพก่อนเกมปะทะกับ นิวคาสเซิ่ล เพื่อเป็นการฉลองวาระครบรอบสิบปีที่อดีตกองหน้าอาร์เจนไตน์ยิงประตูในตำนานช่วงทดเวลาพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นสมัยแรกได้โดยมีแต้มเท่ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่มีประตูได้เสียที่เหนือกว่าทีมร่วมเมือง
2.ทีเด็ดของ แมนฯ ซิตี้
จากชัยชนะที่มีต่อ นิวคาสเซิ่ล 5-0 แมนฯ ซิตี้ แสดงให้เห็นอย่างเต็มตาว่าพวกเขามีทีเด็ดในเรื่องลูกเซ็ตพีซที่น่ายำเกรง สวนทางกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่เสียประตูจากลูกเตะมุมยันเต
ถึงขณะนี้ เรือใบสีฟ้า คลำเป้าจากลูกตั้งเตะเพิ่มได้เป็น 20 ประตูใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้แล้วหลังจาก โรดรี้ หวดลูกเตะมุมตุงตาข่ายพาทีมนำเพิ่มเป็น 3-0 (ไม่นับรวมลูกโทษ) แถมเสียประตูจากลูกเซ็ตพีซแค่เม็ดเดียวเท่านั้น
ขณะเดียวกัน เควิน เดอ บรอยน์ ซึ่งตวัดลูกคอนเนอร์ให้ โรดรี้ ซัลโวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำประตูในเกมลีก 16 ลูกจาก 17 เกมหลังอีกด้วย (9ประตู 7 แอสซิสต์)
ด้าน โรดรี้ สร้างผลงานน่าฮือฮาพังประตูในลีกได้สามนัดติดต่อกันแล้วโดยเจ้าตัวส่งบอลเข้าประตูได้ในเกมขย้ำ วัตฟอร์ด 5-1 ต่อด้วยเกมพิชิต ลีดส์ 4-0 และตามด้วยเกมกำราบ นิวคาสเซิ่ล 5-0 จึงน่าลุ้นกันต่อว่าเขาจะเช็คบิลเพิ่มในเกมหน้าได้อีกหรือเปล่าโดย เรือใบสีฟ้า มีคิวบุกไปเยือน วูล์ฟส์
3.ทีมจอมแอสซิสต์
ในเมื่อเป็นทีมที่ขยันยิงประตูคู่แข่งเป็นชีวิตจิตใจ แมนฯ ซิตี้ จึงกลายเป็นทีมที่มีนักเตะสร้างชื่อด้วยผลงานการแอสซิสต์มากมายตามไปด้วยเป็นธรรมดา
ต่อเกมเปิดบ้านเชือดนิ่มๆ สาลิกาดง ชูเอา กานเซโล่ ทำแอสซิสต์ที่ 10 ของตัวเองในทุกรายการของซีซั่นนี้ได้แล้ว และกลายเป็นขุนพล เรือใบสีฟ้า รายที่สี่ที่แอสซิสต์ได้ครบสองหลัก
ด้วยเหตุนี้ ทีมจาก เอติฮัด สเตเดี้ยม จึงเป็นทีมเดียวในห้าลีกใหญ่ของยุโรปซีซั่นนี้ที่มีพ่อค้าแข้งอย่างน้อยสี่รายแอสซิสต์ในทุกรายการรวมกันได้ 10 ประตูขึ้นไปคือ กานเซโล่ , เดอ บรอยน์ (13) , ฟิล โฟเด้น (11) และ กาเบรียล เชซุส (11)
4.แรงบันดาลใจของ สาลิกา???
อาจจะยังไม่ปลอดภัยในลีกสูงสุดอย่างเป็นทางการซะเลยทีเดียว แต่ตามรูปการณ์ นิวคาสเซิ่ล น่าจะอยู่รอดใน พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จแม้สองเกมหลังพวกเขาจะเก็บแต้มไม่ได้เลยในการดวลกับ ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้
กระนั้นก็ดี บอกเลยว่า เดอะ แม็คพายส์ มาไกลมากแล้วหลังสร้างผลงานที่น่าใจหายสะกดคำว่า ชนะ" ไม่เป็นใน 14 เกมแรกของการออกสตาร์ตซีซั่นซึ่งไม่เคยมีทีมไหนรอดพ้นจากการตกชั้นมาก่อนหากเปิดซีซั่นได้อย่างเลวร้ายถึงเพียงนี้
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าทีมอีสานของเมืองผู้ดีโชคดีมหันต์ที่เจ้าของเดิม ไมค์ แอชลีย์ ยอมขายทีมให้กับกลุ่มทุนจากซาอุดิอาระเบียเข้ามาเทคโอเวอร์ และพวกเขาจัดแจงปลด สตีฟ บรู๊ซ ออกไปจากตำแหน่งกุนซือ พร้อมทั้งแต่งตั้ง เอ็ดดี้ ฮาว เข้ามากู้วิกฤต
ขณะเดียวกัน เจ้าของสโมสรที่มั่งคั่งที่สุดในโลกก็ไม่ลืมอัดฉีดเงินให้ ฮาว เสริมทัพในช่วงปีใหม่ด้วยซึ่งส่งผลให้ สาลิกาดง มีผลงานกระเตื้องขึ้นทันตาเห็นจนน่าจะพูดได้ว่าพวกเขารอดตายเหมือนควายขวิดเป็นผลสำเร็จแล้ว
ฉะนั้นแล้ว ในช่วงซัมเมอร์จึงน่าจับตามองทีมอย่าง นิวคาสเซิ่ล ไม่น้อยว่าพวกเขาจะได้เงินช็อปปิ้งนักเตะจากเจ้าของทีมมากแค่ไหน และที่สำคัญทีมดังแห่ง เซนต์ เจมส์พาร์ค ซึ่งไม่ได้แชมป์มานานโขแล้วจะดึงดูดสตาร์เกรดเอให้ย้ายมาร่วมหัวจมท้ายได้หรือเปล่า
ทั้งนี้ หากผู้บริหารสโมสรจะมองไปถึง แมนฯ ซิตี้ ว่าเป็นโมเดลที่ดี พวกเขาก็น่าจะคิดได้ว่าการลงทุนเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้สโมสรประสบความสำเร็จเนื่องจากก่อนหน้านี้ เรือใบสีฟ้า เคยกินน้ำใต้ศอก แมนฯ ยูไนเต็ด มาก่อน ทว่า ณ ปัจจุบัน เพื่อนบ้านที่น่ารำคาญ แซงหน้า ผีแดง ไปไกลลิบโลกแล้วกับการเป็นทีมเบอร์หนึ่งของลีกหลังเทเงินซื้อดาวดังมาร่วมทัพอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเซ็นสัญญาว่าจ้างกุนซือมีระดับ
5.ส่องโปรแกรมที่เหลือของ เรือใบ- หงส์แดง ใครยากง่ายกว่ากัน
หลังจาก ลิเวอร์พูล สะดุดตามความคาดหมายนัดต้อนรับ สเปอร์ส เมื่อวันเสาร์อันเป็นเกมที่พวกเขาถูกกูรูชี้ว่ามีสิทธิ์ทำแต้มหล่นได้ แมนฯ ซิตี้ สามารถฉวยโอกาสล้มหัวฟาดพื้นของ หงส์แดง ได้ตามคาดเช่นกันกับการเปิดบ้านไล่ขย้ำ นิวคาสเซิ่ล 5-0
และถึงขณะนี้ ทั้งสองทีมลงสนาม 35 นัดเท่ากันแล้วโดย แมนฯ ซิตี้ ขยับหนี ลิเวอร์พูล เป็นสามแต้ม แถมแซงทีมรองจ่าฝูงด้วยการมีผลต่างประตูได้เสียที่มากกว่าสี่ประตูได้สำเร็จอีกด้วย
สำหรับโปรแกรมในลีกอีกสามนัดสุดท้าย เรือใบสีฟ้า จะเล่นเกมเยือนสองนัดต่อไปก่อนกลับมาปิดซีซั่นในบ้านซึ่งหากไม่มีความผิดพลาด พวกเขาจะได้ฉลองแชมป์กันอย่างชื่นมื่นต่อหน้าสาวกที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม
11 พ.ค.วูล์ฟส์ - แมนฯ ซิตี้
15 พ.ค.เวสต์แฮม - แมนฯ ซิตี้
22 พ.ค.แมนฯ ซิตี้ - แอสตัน วิลล่า
ด้าน ลิเวอร์พูล จะมีเกมลงสนามมากกว่าเนื่องจากรอชิงชนะเลิศถ้วย เอฟเอคัพ กับ เชลซี ในวันที่ 14 พ.ค.อีกทั้งแชมป์ คาราบาวคัพ จะเปิดศึกล้างอาย เรอัล มาดริด ในเกมชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก วันที่ 28 พ.ค.ด้วย
สำหรับเกม พรีเมียร์ลีก ในอีกสามนัดสุดท้ายของ หงส์แดง จะเป็นเหมือน เรือใบสีฟ้า ทุกประการเนื่องจากจะเป็นการออกนอกบ้านสองนัด และได้ลงเล่นที่ แอนฟิลด์ ในเกมปิดซีซั่นซึ่งหากบังเอิญว่าทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เกิดช็อตขึ้นมาในอีกสามนัดที่เหลือเนื่องจากไม่มีสามกองหลังทั้ง รูเบน ดิอาส , จอห์น สโตนส์ และ ไคล์ วอล์คเกอร์ ลงเล่นได้อีกแล้วในซีซั่นนี้จากปัญหาบาดเจ็บก็ไม่แน่ว่า หงส์แดง อาจได้ฉลองใหญ่กันก็เป็นได้
10 พ.ค.แอสตัน วิลล่า - ลิเวอร์พูล
17 พ.ค.เซาธ์แฮมป์ตัน - ลิเวอร์พูล
22 พ.ค.ลิเวอร์พูล -วูล์ฟส์