การพ่ายแพ้ยับเยินในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกต่อสปอร์ติ้ง ลิสบอน ทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปราชัยเป็นนัดที่ 3 ติดต่อกันเข้าไปแล้วจากการลงสนามทุกรายการ ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติสำหรับทีมเรือใบสีฟ้า แม้แต่เป๊บ กวาร์ดิโอลาเองก็ยังออกปากว่านี่คือช่วงเวลาที่ยากลำบาก
สาเหตุหลักที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในสนามของซิตี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นคือบรรดาผู้เล่นที่ทะยอยเจ็บกันนัดละคน 2 คน ไม่ว่าจะเจ็บจากการปะทะระหว่างเกม เจ็บช่วงวอร์มก่อนลงสนาม หรือแม้แต่เจ็บไม่ทราบสาเหตุ จนตอนนี้มียอดสะสมเกือบ 10 คนเข้าให้แล้ว โดยรายที่สร้างปัญหาปวดหัวให้บอสเป๊ปมากที่สุดคงหนีไม่พ้น โรดรี มิดฟิลด์คนสำคัญที่จะหมดสิทธิลงสนามทั้งฤดูกาล
โรดรี ได้รับบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าหัวเข่าขวาฉีกขาดจากการปะทะกับโธมัส ปาร์เตย์ จนต้องเดินกะเผลกออกจากสนามตั้งแต่ช่วงต้นเกม โดยอาการรุนแรงถึงขั้นต้องเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งผลการรักษาทำให้มิดฟิลด์ชาวสเปนต้องพักรักษาตัวอีกเป็นปีกว่าจะกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง
โรดรี เป็นกองกลางตัวรับสมัยใหม่ที่ไม่ใช่แค่อาศัยพละกำลังในการแย่งบอลจากคู่แข่งเท่านั้น แต่ยังใช้สมองจ่ายบอลในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อสร้างเกมที่ไหลลื่น เขามีสถิติการจ่ายบอลสำเร็จมากที่สุดของพรีเมียร์ลีก นอกจากนั้นยังมีทีเด็ดในการเติมเกมบุก ทั้งการจ่ายบอลแทงบอลให้เพื่อนยิงและทำประตูด้วยตัวเอง โดยซีซั่นก่อนสามารถเก็บไปได้ถึง 9 ประตูกับอีก 14 แอสซิส ทั้งที่ไม่ใช่นักเตะตัวรุกอาชีพ
เมื่อขาดโรดรีไป กุนซือชาวสเปนมอบหมายให้มาเตโอ โควาซิช ลงทำหน้าที่แทน แม้ช่วงแรกดูเหมือนจะไปได้ดี แต่พอเจอคู่แข่งสูสีแผลก็เปิดทันที กองกลางทีมชาติโครเอเชียไม่ใช่ผู้เล่นที่ถนัดเกมรับหรือชำนาญการตัดบอล ทำให้บอลของคู่แข่งทะลุไปถึงแดนหลังได้บ่อยครั้ง ซึ่งหลายหนที่ทีมเรือใบเสียประตูก็มาจากจังหวะถูกสวนกลับแบบกลางผ่านตลอดนี่เอง
การมีโรดรีอยู่ในสนามทำให้ซิตี้ไร้พ่ายมาถึง 52 เกมติดต่อกัน บ่งบอกได้ดีว่ากองกลางสแปนิชสำคัญต่อทีมขนาดไหน โดยแมนเชสเตอร์ ซิตี้เคยพ่าย 3 นัดติดเช่นนี้มาก่อนเมื่อฤดูกาลที่แล้วนี่เอง ซึ่งทั้ง 3 เกมนั้น โรดรีถูกแบนจากพิษใบแดง แต่พอพ้นโทษกลับมาเขาก็ช่วยให้ทีมคว้าชัยเป็นกอบเป็นกำต่อเนื่องทันที แต่สำหรับครั้งนี้คงต่างออกไปเพราะเขาจะหายไปทั้งซีซั่น
น่าสนใจว่าต่อจากนี้บอสเป๊ปจะถมช่องว่างที่โรดรีทิ้งไว้อย่างไร เพื่อสานต่อโปรเจ็คแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัยติดต่อกันให้สำเร็จลุล่วง แมนเชสเตอร์ ซิตี้อาจต้องทุ่มทุนมหาศาลอีกครั้งเพื่อหาใครมาทดแทน
แล้วใครล่ะจะมีคุณภาพใกล้เคียงกับมิดฟิลด์ตัวรับเบอร์ 1 ของโลก
เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ คนล่าสุด