ผลบอล คริสตัล พาเลซ 1-0 แมนซิตี้ (17 พ.ค. 68) : เรือใบ มือเปล่า! ดิ อีเกิ้ลส์ พลิกซิวเอฟเอ คัพหนแรก
18 พฤษภาคม 2568

เอเบเรชี่ เอเซ่ สวมบทฮีโร่ตะบันพา "ดิ อีเกิ้ลส์" คริสตัล พาเลซ หักปากกาเซียนเชือด แมนซิตี้ 1-0 ผงาดแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยแรก โดย "เรือใบสีฟ้า" อกหักนัดชิงรายการนี้สองปีติดกัน

ฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม 2568 คริสตัล พาเลซ ที่ตั้งเป้าจะคว้าแชมป์โทรฟี่ระดับเมเจอร์แรกมาประดับสโมสร พบกับ แชมป์ 7 สมัย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ผ่านเข้ามาชิงชนะเลิศเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน

เปิดฉากมาได้แค่ 7 นาที แมนฯ ซิตี้ เกือบได้ชิงขึ้นนำก่อนหลัง ซาวินโญ่ ครอสมาเสาไกลให้ ฮาลันด์ เอี่ยวตัวยิงด้วยท่าเก่งแต่ยังไปติดเซฟ ดีน เฮนเดอร์สัน

ลูกทีมของ เป๊ป โจมตีอย่างต่อเนื่อง นาที 12 ได้ลุ้นอีกจากลูกเตะมุมที่ ซาวินโญ่ เปิดมาเข้าหัว ยอชโก้ กวาร์ดิโอล โขกย้อนไปเสาแรกแต่ยังเป็น เฮนเดอร์สัน ที่พุ่งปัดออกไปได้อีก

แต่กลายเป็น คริสตัล พาเลซ ที่สวนกลับดอกแรกแล้วได้ประตูขึ้นนำทันที จากจังหวะเปิดยาวมาให้ มาเตต้า พักบอลให้ คามาดะ ก่อนที่ มาเตต้า จะได้บอลอีกครั้่งแล้วไหลออกขวาถึง

ดาเนียล มูนญอซ ควบขึ้นมาแล้วปาดมาบริเวณจุดโทษให้ เอเบเรชี่ เอเซ่ วิ่งมาซัดด้วยขวาผ่านมือ สเตฟาน ออร์เตต้า เข้าไปพา "ดิ อีเกิ้ลส์" ขึ้นนำ 1-0

แถมพาเลซเกือบได้เม็ดที่สองนำห่างหลัง นาที 20 อิสไมล่า ซาร์ ไขว้ยิงจากลูกครอสเสาแรกแต่ยังดีที่ติดมือ สเตฟาน ออร์เตก้า ที่เซฟไว้ได้

นาที 33 แมนซิตี้ มาได้ลูกที่จุดโทษหลัง ไทริค มิตเชลล์ ไปฟาวล์ใส่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษทันที ทว่า โอมาร์ มาร์มูช ที่รับหน้าที่สังหารดันยิงพลาดซัดไปติดเซฟของ ดีน เฮนเดอร์สัน ที่พุ่งถูกทางป้องกันไว้ได้ให้ พาเลซ ยังนำซิตี้อยู่ 1-0

จบครึ่งแรก คริสตัล พาเลซ ขึ้นนำ แมนฯ ซิตี้ 1-0

เปิดฉากครึ่งหลังนาที 58 ดาเนียล มูนญอซ ซัดทีแรกบอลแฉลบ อิสไมล่า ซาร์ ที่ยืนล้ำหน้าก่อนเจ้าตัวปรี่ซ้ำตุงงตาข่าย แต่ต้องผิดหวังวีเออาร์ริบสกอร์ไป

ท้ายเกมนาที 82 เควิน เดอ บรอยน์ ทิ่มบอลเรียดทะลุถึง เคลาดิโอ เอ็นเชเวอร์รี่ ตัวสำรองซัดในเขตโทษฝั่งขวาติดตัว ดีน เฮนเดอร์สัน

ช่วงทดเจ็บ เรือใบ บุกหนักหวังทวงคืน แต่เกมรับ ดิ อีเกิ้ล ต้านทานไว้สำเร็จ จบเกม คริสตัล พาเลซ หักปากกาเซียนเชือด แมนซิตี้ 1-0 ผงาดแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยแรก

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

คริสตัล พาเลซ (3-4-2-1) : ดีน เฮนเดอร์สัน - คริส ริชาร์ดส์, มักซ็องซ์ ลาครัวซ์, มาร์ค เกฮี (เจฟเฟอร์สัน เลอร์ม่า น.61)- ดาเนียล มูนญอซ, อดัม วอร์ตัน (วิลล์ ฮิวจ์ น.87), ไดจิ คามาดะ, ไทริค มิตเชลล์ - เอเบเรชี่ เอเซ่, อิสไมล่า ซาร์ - ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า (เอ้ดดี้ เอ็นเคเทียร์ น.78)

แมนฯ ซิตี้ (4-2-3-1) : สเตฟาน ออร์เตก้า - มานูเอล อาคานจี, รูเบน ดิอาส, ยอชโก้ กวาร์ดิโอล, นิโก้ โอเรลลี่ - แบร์นาร์โด ซิลวา (อิลคาย กุนโดกัน น.88), เควิน เดอ บรอยน์ - เฌเรมี่ โดกู, โอมาร์ มาร์มูช (เคลาดิโอ เอ็นเชเวอร์รี่ น.76), ซาวินโญ่ (ฟิล โฟเด้น น.76) - เออร์ลิง ฮาลันด์


สยามกีฬา


ข่าว แมนฯ ซิตี้

ผลจับสลากคัดเลือก EURO 2020 อังกฤษ เจองานเบา, เยอรมัน ล้างตาดัตช์
ไม่เสี่ยง!เป๊ปส่อพักอเกวโร่เกมเยือนวัตฟอร์ด
สเตอร์ลิงซัดนำซัลโว! แมนซิตี้หรูถลุงบอร์นมัธ นำฝูงหนีลิเวอร์พูล5แต้ม
วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก : แมนฯซิตี้ -vs- บอร์นมัธ
ปรีวิวแมนซิตี้ขอโกยแต้มทิ้งลิเวอร์พูล! "ซาเน่-กุน" พร้อมตะบันบอร์นมัธ
ริโอ เผย อยากเล่นให้ใครมากสุดระหว่าง มู-คล็อปป์-เป๊ป
อาซาร์ ตั้งเป้าเอาแค่ TOP 4 เพราะ เรือ เหนือกว่า สิงห์ หลายจุด
เป๊ปยกลียงหนึ่งในคู่แข่งยากที่สุดที่เคยเจอ
แมนฯซิตี้ตีตั๋วหืดบุกไล่เจ๊าลียงรั้งจ่าฝูงกลุ่มเอฟ
วิเคราะห์บอล แชมเปี้ยนส์ ลีก : ลียง -vs- แมนฯ ซิตี้
ดูทั้งหมด

© 2018-2025 Mancitythailand.com All Rights Reserved.