
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ โชว์ฟอร์มเจ๋งเปิดบ้านเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 โดยได้ประตูจากการทำเข้าประตูตัวเองของ อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ และ เดเล่ อัลลี ยิงเพิ่มอีกหนึ่งตุง ส่งผลให้ สเปอร์ส เก็บสามแต้มเพิ่มเป็น 17 คะแนน ขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงได้สำเร็จ และยังคงไร้พ่ายต่อไป ส่วน แมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แพ้เป็นเกมแรกในลีกเรียบร้อยแล้ว ในศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา
ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 2 ต.ค. 2559
ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ - แมนฯ ซิตี้
สนาม : ไวท์ ฮาร์ท เลน
"ไก่เดือยทอง" เจ้าถิ่นปรับผู้เล่น 3 ตำแหน่งจากเกมบู๊ศึก ยูซีแอล เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย ไคล์ วอร์กเกอร์ คืนทัพหลังได้พัก, แดนนี่ โรส และ มูสซ่า ซิสโซโก้ หายเจ็บกลับมาคืนสนามได้ในเกมนี้ ส่วนหน้าเป้าใช้ ซน เฮือง-มิน ข้ามฟากมาทางจ่าฝูงปรับ 3 ตำแหน่งเช่นเดียวกัน จอห์น สโตนส์, แฟร์นานโด และ เฆซุส นาบาส ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ส่วนหัวหอก เซร์คิโอ อเกวโร่ หัวหอกตัวเก่งนำทัพเช่นเคย
การเจอกัน 5 นัดหลังสุดที่นี่ เจ้าถิ่นเอาชนะได้ 2 ครั้ง ทีมเยือนบุกกำชัยได้ 3 ครั้ง และเจอกันแต่ละครั้งยมีจำนวนประตูเกิดขึ้นมากมาย มีแค่นัดเดียวเท่านั้นที่มีผลต่างแต่ 1 ลูก คือเกมที่ แมนฯ ซิตี้ บุกมาเอาชนะได้ 1-0 เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2015
เพียงแค่นาทีแรกเจ้าบ้านมีโอกาสทักทายก่อน ซน เฮือง-มิน แตะบอลลอดขาหลบ อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ก่อนสับไกมุมแคบในกรอบเขตโทษ แต่โด่งข้ามคานไปไกล
ทีมเยือนได้เสียวบ้าง เฆซุส นาบาส เปิดเรียดจากทางกราบขวา ทาง ดาบิด ซิลบา จะเข้ามาชาร์จแต่โดนไม่ดี บอลแฉลบกองหลังเจ้าบ้านผ่านหน้าปากประตูออกหลังไป
สเปอร์ส ขึ้นนำไปก่อน 1-0 นาทีที่ 9 จากจังหวะ วิคเตอร์ วานยาม่า ตัดบอลได้กลางสนาม บอลต่อมาถึง แดนนี่ โรส ทางซ้ายก่อนโยนเข้ากลาง ทว่า อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ที่หุบเข้ามาช่วยตรงกลางสะกัดบอลโดนเหลี่ยมไม่ดีปลิ้นเข้าประตูตัวเองไป
นาที 21 เจ้าถิ่นได้ฟรีคิกบริเวณกรอบเขตโทษ คริสเตียน เอริคเซ่น ปั่นเฉียดเสาออกไปอย่างได้ลุ้น
ทีมเยือนได้ลุ้นจากฟรีคิกบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ นาที 31 เซร์คิโอ อเกวโร่ ปั่นไปทางเสาไกล ทว่า อูโก้ ยอริส ยังดักทางได้แม่นพุ่งปัดทิ้งไว้ได้สำเร็จ
เข้าสู่นาที 37 เจ้าถิ่นทะยานขึ้นนำเป็น 2-0 ซน เฮือง-มิน ไหลเข้าช่องให้ เดเล่ อัลลี ทะลุไลน์กองหลังเข้าไปแปผ่านมือ เคลาดิโอ บราโว่ เข้าประตูไปอย่างง่ายดาย
หลังจากโดนนำไปถึง 2 ประตู ทาง แมนฯ ซิตี้ ก็ยังต่อเกมของตัวเองไม่ติด และยังไม่มีจังหวะทำประตูแบบจะแจ้ง ได้แค่หวาดเสียว ส่วน สเปอร์ส ก็เล่นรอสวนกลับแต่บวกลูกสามไม่ได้ จบครึ่งแรก สเปอร์ส ขึ้นนำ แมนฯ ซิตี้ 2-0
เริ่มครึ่งหลัง สเปอร์ส เกือบบวกประตูที่ 3 ได้ ซน เฮือง-มิน ได้โอกาสปั่นด้วยซ้ายนอกกรอบเขตโทษ แต่ยังทำได้แค่เกือบเท่านั้น และอีกครั้งกับการพาตะลุยขึ้นมาของ วิคเตอร์ วานยาม่า ก่อนกดด้วยขวาเต็มข้อเกือบเสียบเสา แต่ทาง เคลาดิโอ บราโว่ พุ่งเซฟจังหวะนี้ไว้ได้
นาที 50 ทีมเยือนเกือบตีไข่แตกได้ แฟร์นานดินโญ่ ไหลเข้าช่องให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ หลุดเข้าเขตโทษไปก่อนซัดด้วยซ้าย บอลไปติดเซฟ อูโก้ ยอริส และเด้งไปโดนเสาในจังหวะสุดท้ายแต่ไม่มีผู้เล่นของ ซิตี้ ตามเข้ามาซ้ำได้ และทาง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แก้เกมในแดนกลางส่งตัวสำรองคนแรก อิลคาย กุนโดกัน ลงสนามแทน แฟร์นันโด
เจ้าถิ่นมีโอกาสหนีห่างเป็น 3-0 จากจังหวะจุดโทษที่ทาง แฟร์นานดินโญ่ ไปหวด เดเล่ อัลลี ในกรอบ ทว่า เอริก ลาเมล่า สังหารลูกนี้ไม่เข้า โดนทาง เคลาดิโอ บราโว่ เดาทางเซฟได้สำเร็จ
ทีมเยือนพยายามอย่างหนักเพื่อจะทวงประตูคืน นาที 79 เซร์คิโอ อเกวโร่ หลุดเข้าไปยิงด้วยซ้าย แต่บอลไปแฉลบแนวรับเจ้าบ้าน ไปเข้าทาง อูโก้ ยอริส บินปัดไว้ได้อีก
แมนฯ ซิตี้ พยายามอย่างสุดพลังโดยการเปลี่ยนตัวสำรองลงสนามเพิ่มทั้ง เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ และ ลีรอย ซาเน่ ลงมาแทน เฆซุส นาบาส และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ส่วนเจ้าถิ่นก็ส่ง เอริก ดายเออร์ และ วินเซนต์ ยานส์เซ่นลงสนามมาแทน มุสซ่า ซิสโซโก้ และ ซน เฮือง-มิน
เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรเพิ่มกันไม่ได้ จบเกม ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เปิดบ้านเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 ขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูง แถมยังคงไร้พ่ายต่อไป ส่วนจ่าฝูงอย่าง ซิตี้ เสียสถิติชนะ 100% เรียบร้อยแต่ยังคงนำจ่าฝูง
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
สเปอร์ส : อูโก้ โยริส - ไคล์ วอล์คเกอร์, โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์, ยาน แฟร์ต็องเกน, แดนนี่ โรส - มุสซ่า ซิสโซโก้ (เอริก ดายเออร์ น.72), วิคเตอร์ วานยาม่า - เอริค ลาเมล่า, เดเล่ อัลลี่ (จอร์จส์-เควิน เอ็นคูดู น.85), คริสเตียน เอริคเซ่น - ซน ฮึง-มิน (วินเซนต์ แยนส์เซ่น น.90)
สำรอง : มิเชล ฟอร์ม, คีแรน ทริปเปียร์, แฮร์รี่ วิงค์ส, เบน เดวิส
แมนฯ ซิตี้ : เคลาดิโอ บราโว่ - ปาโบล ซาบาเลต้า, นิโกลัส โอตาเมนดี้, จอห์น สโตนส์, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ - แฟร์นันดินโญ่, แฟร์นันโด (อิลกาย กุนโดกัน น.53) - ราฮีม สเตอร์ลิง (ลีรอย ซาเน่ น.86), ดาบิด ซิลบา, เฆซุส นาบาส (เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ น.65) - เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน"
สำรอง : วิลลี่ กาบาเยโร่, บาการี่ ซาญ่า, กาแอล กลิชี่, อเล็กซ์ การ์เซีย
ผู้ตัดสิน : อังเดร มาร์ริเนอร์