
"เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านทำได้แค่เสมอ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน 1-1 แต่ยังรักษาตำแหน่งจ่าฝูงเนื่องจากสเปอร์ส ก็เสมอกับเวสต์บรอมฯ ด้วยสกอร์เดียวกัน ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อ วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม 2559
แมนฯ ซิตี้ 1-1 เอฟเวอร์ตัน
สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม
หลังออกไปแพ้สเปอร์ส 0-2 ในนัดที่แล้ว เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ปรับทีมน่าสนใจ หันมาเล่นระบบ 3 เซนเตอร์แบ็ก พร้อมกับใช้ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และเลรอย ซาเน่ ทำหน้าที่วิงแบ็ก เกมนี้ยังได้เควิน เดอ บรอยน์ หายเจ็บกลับมา แต่เซร์คิโอ อเกวโร่ มีชื่อแค่สำรอง เพราะกลางสัปดาห์ต้องไปเยือนบาร์เซโลน่า ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก
เอฟเวอร์ตัน ของโรนัลด์ คูมัน เปลี่ยนตำแหน่งเดียวจากนัดล่าสุดกับพาเลซ เคราร์ด เดโลเฟว คืนตัวจริงแทนรอสส์ บาร์คลี่ย์
เริ่มมาแค่ 4 นาที แมนฯ ซิตี้ ได้ลุ้นก่อนจากการหลุดขึ้นทางขวาของเลรอย ซาเน่ แต่ยิงมุมแคบติดเซฟของมาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก
ทีมเยือนมีโอกาสทดสอบเหมือนกันเมื่อได้ฟรีคิกระยะ 30 หลา แต่โรเมลู ลูกากู ซัดโด่งข้ามคานไม่ใกล้เคียง
ผ่าน 10 นาที ซิตี้ลุ้นเอาจุดโทษ ซาเน่ จิ้มบอลหนีไบรอัน โอเบียโด้ ก่อนล้มลงในเขต แต่ผู้ตัดสิน ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ปล่อยให้เล่นต่อ
เดอ บรอยน์ ได้แผลงฤทธิ์ครั้งแรกในนาทีที่ 14 เมื่อพาบอลตัดจากขวาเข้าในแล้วซัดด้วยอีซ้าย บอลแฉลบผู้เล่นเอฟเวอร์ตัน ข้ามคานออกไป
สองนาทีต่อมา ราฮีม สเตอร์ลิ่ง พาบอลมุดตรงกลาง แต่ถูกแกเร็ธ แบร์รี่ ทำฟาวล์ในระยะอันตราย เควิน เดอ บรอยน์ ปั่นฟรีคิกไม่พ้นกำแพง
ช่วง 20 นาทีแรก แมนฯ ซิตี้ กดอยู่ข้างเดียว เอฟเวอร์ตันแทบไม่สามารถพาบอลข้ามเส้นครึ่งสนาม แต่แนวรับ โดยเฉพาะคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ ฟิล จากีลก้า กับแอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์ ยังช่วยกันสกัดได้ดี
เกมหยุดไปพักในช่วงครึ่งชั่วโมง เมื่อราฮีม สเตอร์ลิ่ง โดนเชมัส โคลแมน เหยียบเต็มๆ ที่ข้อเท้า แต่โอลิเวอร์ กลับไม่แจกแม้แต่ใบเหลือง
ก่อนหมดครึ่งแรก 2 นาที แมนฯ ซิตี้ ได้จุดโทษ ดาบิด ซิลบา ถูกจากีลก้า เหยียดขาขวาง ผู้ตัดสินเป่านกหวีดไม่ลังเล แต่เดอ บรอยน์ กลับสังหารไม่ผ่านมือสเตเลนเบิร์ก ที่เดาทางถูก พุ่งปัดไว้ได้ จบ 45 นาทีสกอร์ยังเสมอ 0-0
ครึ่งหลังเริ่มไป 5 นาที เคลาดิโอ บราโว่ นายทวารซิตี้ ได้ออกแรงจากการบินปัดลูกยิงของเคราร์ด เดโลเฟว ที่เกือบเสียบใต้คาน แต่เจ้าถิ่นก็ตอบโต้ด้วยการถ่ายบอลหน้าเขตโทษ ก่อนจังหวะสุดท้าย ซาเน่ เปิดวัดเข้ากลางให้อิเฮียนาโช่ ไขว้ยิง แต่บอลยังไปติดขาสเตเคเลนเบิร์ก
เรือใบเดินเกมรุกเต็มสูบ นาทีที่ 55 สเตอร์ลิ่ง เปิดบอลกึ่งยิงกึ่งผ่านมาหน้าประตู แต่แอชลี่ย์ วิลเลียมส์ สกัดทิ้งออกหลังได้นิดเดียว
นาทีถัดมา เซร์คิโอ อเกวโร่ ศูนย์หน้าอาร์เจนไตน์ ถูกส่งลงสนามแทนอิเฮียนาโช่ ส่วนทีมเยือนก็ถอดเดโลเฟว และส่งเจมส์ แม็คคาร์ธี่ มาเสริมแดนกลาง
แมนฯ ซิตี้ ยังทำเกมบุกต่อเนื่อง แต่บอลจังหวะสุดท้ายมักติดจากีลก้า กับวิลเลี่ยมส์ ที่ผลัดกันสกัดได้ดี
จนกระทั่งนาทีที่ 64 บอลสวนยาวจังหวะเดียวของเอฟเวอร์ตัน ได้ผล โบลาซี่ สะกิดต่อให้ลูกากู ดวลเดี่ยวกับกาแอล กลิชี่ ก่อนแตะไปพร้อมสปีด แล้วซัดด้วยอีซ้ายเสียบมุม ทีมเยือนขึ้นนำ 1-0
แต่นาทีที่ 69 ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ เป่าจุดโทษให้แมนฯ ซิตี้ เป็นครั้งที่สอง เมื่อจากีลก้า เจ้าเก่า ไปรวบขาอเกวโร่ ในเขต และเป็นอเกวโร่ กุน รับหน้าที่สังหารเอง แต่สเตเคเลนเบิร์ก ก็ยังดักทางถูกเหมือนเดิม ด้วยการพุ่งปัดได้
โนลิโต้ ถูกส่งลงมาแทนเลรอย ซาเน่ และแค่ 59 วินาที ดาวเตะทีมชาติสเปน ก็ปลุกแฟนบอลเรือใบด้วยการโหม่งตีเสมอ 1-1 จากการโยนอย่างแม่นยำของดาบิด ซิลบา
แมนฯ ซิตี้ ได้ใจ หวังเอาประตูแซงนำ สเตเคเลนเบิร์ก ต้องเซฟอีกครั้งจากลูกยิง 25 หลาของเดอ บรอยน์
นาทีที่ 83 เอฟเวอร์ตัน ส่งเควิน มิรัลลาส แทนโบลาซี่ ที่วิ่งจนหมด ก่อนวิลเลียมส์ โดนใบเหลืองจากการเตะเดอ บรอยน์
ท้ายเกม เจ้าถิ่นพยายามกดดัน แต่ก็เจาะกองหลังทีมเยือนไม่เข้า จบเกม แมนฯ ซิตี้ ทำได้แค่เสมอ 1-1 แต่ยังรักษาตำแหน่งจ่าฝูงเนื่องจากสเปอร์ส ก็เสมอกับเวสต์บรอมฯ ด้วยสกอร์เดียวกัน
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนฯ ซิตี้ : เคลาดิโอ บราโว่, จอห์น สโตนส์, นิโกลัส โอตาเมนดี้, กาแอล กลิชี่, เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน, แฟร์นานดินโญ่, ดาบิด ซิลบา, เลรอย ซาเน่, เคเลชี่ อิเฮียนาโช่, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
ตัวสำรอง : แว็งซองต์ กอมปานี, ปาโบล .ซาบาเลต้า, แฟร์นานโด, โนลิโต้, เซร์คิโอ อเกวโร่, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ, วิลลี่ กาบาเยโร่
เอฟเวอร์ตัน : มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก, เชมัส โคลแมน, ฟิล จากีลก้า, แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์, ไบรอัน โอเบียโด้, แกเร็ธ แบร์รี่, อิดริสซ่า เกย์, ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, เคราร์ด เดโลเฟว, โรเมลู ลูกากู, ยานนิก โบลาซี่
ตัวสำรอง : โชเอล โรเบลส, รอสส์ บาร์คลี่ย์, เควิน มิรัลลาส, เจมส์ แม็คคาร์ธี่, เอนแนร์ วาเลนเซีย, รามิโร่ ฟูเนส โมรี, เมสัน โฮลเกต